เคยสงสัยกันไหมคะ ว่าเราได้อะไรจากการดื่มน้ำอัดลม หรือ น้ำอัดลมที่เคลมว่าไม่มีน้ำตาล?

นิวยอร์กโพสต์รายงานผลวิจัย จากการศึกษาประชากรกว่า 452,000 คน ใน 10 ประเทศ พบว่า เครื่องดื่มผสมโซดา เเม้ในในยี่ห้อที่ปราศจากน้ำตาล ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงในการเสียชีวิตทั้งสิ้น

การศึกษาที่ตีพิมพ์โดยวารสารสมาคมการแพทย์อเมริกัน เปิดเผยว่าคนที่ดื่มน้ำอัดลมวันละ 2 แก้ว หรือมากกว่านั้นมีแนวโน้มที่จะเสียชีวิตจากโรคทุกประเภทเมื่อเทียบกับคนที่ดื่มน้อยกว่า 1 แก้วต่อเดือน

“ผลการศึกษาครั้งนี้ดูเหมือนจะสนับสนุนมาตรการด้านสาธารณสุขเพื่อลดการบริโภคน้ำอัดลม” นักวิจัยสรุป

การศึกษาพบความแตกต่างในผลกระทบต่อสุขภาพ สำหรับเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล พบว่าอาจก่อให้เกิดการเสียชีวิตจากโรคทางเดินอาหาร (ประเภทกว้างๆ ซึ่งรวมถึงโรคของตับ, ไส้ติ่ง, ตับอ่อน, ลำไส้และโรคอื่น ๆ ) ขณะที่การบริโภคเครื่องดื่มปราศจากน้ำตาลในปริมาณสูงนั้น อาจนำไปสู่การเสียชีวิตด้วย โรคหัวใจขาดเลือดหรือที่เรียกว่าโรคหลอดเลือดหัวใจ

นอกจากนี้ นักวิจัยไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคน้ำอัดลมกับการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งหรือการเสียชีวิตจากโรคอัลไซเมอร์ เเต่การบริโภคน้ำอัดลมที่ปราศจากน้ำตาลในปริมาณที่สูงขึ้นนั้นสัมพันธ์กับความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากโรคพาร์กินสัน

โดยการศึกษาก่อนหน้านี้ได้เชื่อมโยงกับผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล หรือความหวานเทียม พบว่า มีความเสี่ยงสูงของโรคอ้วน โรคเบาหวานประเภท 2 เเละโรคหัวใจ

นักวิจัยประมาณ 50 คนนำโดยนีล เมอร์ฟี ขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการวิจัยโรคมะเร็ง ใช้ข้อมูลที่รวบรวมจากแบบสอบถามและในการสัมภาษณ์ระหว่างปี 2535 และ 2543 ผู้เข้าร่วมการศึกษาอยู่ในสหราชอาณาจักร เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี เนเธอร์แลนด์ เดนมาร์ก นอร์เวย์ สเปน และสวีเดน

รายงานที่ตีพิมพ์เมื่อต้นปีที่ผ่านมาในวารสาร American Heart Association ระบุว่า การศึกษา JAMA เป็นการสร้างงานวิจัยก่อนหน้าเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างการบริโภคน้ำอัดลมกับผลลัพธ์ด้านสุขภาพที่ไม่ดี การดื่มเครื่องดื่มหวานวันละ 2 ครั้งหรือมากกว่านั้นมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้หญิง

นอกจากนี้การดื่มโซดาที่มีคาเฟอีนมากขึ้นก็เชื่อมโยงกับอาการปวดหัวไมเกรนอีกด้วย

เเต่จะให้เลี่ยงคงลำบาก! พวกเครื่องดื่มที่มีรสหวานเป็นแหล่งน้ำตาลที่ใหญ่ที่สุดในอาหารของชาวอเมริกันโดยเฉลี่ยจาก American Heart Association เครื่องดื่ม 12 กระป๋องบรรจุน้ำตาล 35 ถึง 37.5 กรัมและเฉลี่ย 140 ถึง 150 แคลอรี่

บางเมืองในอเมริกาพยายามลดการบริโภคโซดาโดยการเก็บภาษีจากเครื่องดื่มด้วยเหตุผลที่หลากหลาย ส่งผลให้การบริโภคโซดาและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลชนิดอื่นลดลง 21 เปอร์เซ็นต์ ในย่านที่มีรายได้น้อยใน Berkeley

รัฐแคลิฟอร์เนียกำหนดภาษีโซดา 1 เปอร์เซ็นต์ต่อออนซ์ในปี 2559 จากการศึกษาครั้งแรกเพื่อวัดผลกระทบของภาษี เเต่จากการศึกษาภาษีโซดาของฟิลาเดลเฟียแยกกันพบว่าไม่มีผลกระทบต่อการบริโภคน้ำตาลมากนัก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้ที่ต้องการซื้อโซดาขับรถไปยังพื้นที่ใกล้เคียงที่ไม่มีภาษีโซดา

ส่วนข้อสงสัยที่ว่า ถ้าเราดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้มากๆ จะส่งผลเสียอื่นๆ อีกไหม บีบีซี สรุปเพิ่มเติมว่า เครื่องดื่มที่มีฟอง หรือเเม้เเต่เครื่องดื่มไม่มีน้ำตาล พวกมันมีความเป็นกรดสูง

เเน่นอนว่าสามารถทำให้เกิดการสึกกร่อนของเคลือบฟันซึ่งอาจทำให้เคลือบฟันของเราละลาย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนอ้วนที่มีปัญหาสุขภาพ เครื่องดื่มที่เป็นน้ำตาลจะทำให้พวกเขาได้รับเเคลอรี่เพิ่ม ซึ่งมันไม่เหมือนกับการได้รับจากอาหารอื่นๆ ที่ให้เเคลอรี่ เเต่ยังมีวิตามิน เเร่ธาตุ โปรตีน เเละใยอาหาร เเต่เครื่องดื่มพวกนี้เราไม่ได้รับอะไรเป็นพิเศษ นอกจาก “พลังงานน้ำตาล”

มีผลสำรวจออกมาเเบบนี้เเล้ว คอน้ำหวาน น้ำอัดลมคงต้องปรับพฤติกรรมการกิน ลองปรับลดลงมา ไม่กินเยอะ เเละเลือกดื่มน้ำเปล่ามากขึ้น เพื่อสุขภาพที่ดีของเรานะคะ